วันที่ 11 ตุลาคม รายงานสถานการณ์พายุญี่ปุ่น ซุปเปอร์ไต้ฝุ่นฮากิบิส (Hagibis) ไต้ฝุ่นหมายเลข 19 ซึ่งสื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่าเป็นพายุลูกใหญ่ทรงพลัง อานุภาพรุนแรงเท่าพายุเฮริเคนระดับ 5 ก่อตัวทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก มีทิศทางการเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งส่งผลให้ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากพายุลูกนี้เต็ม ๆ
ในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ พายุไต้ฝุ่นฮากิบิส จะพัดขึ้นฝั่งประเทศญี่ปุ่น คาดว่าพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบคือ หมู่เกาะโองาซาวาระ ภูมิภาคคันโต ใกล้กับกรุงโตเกียว
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศญี่ปุ่นรายงาน ซุปเปอร์ไต้ฝุ่นฮากิบิส ว่าขณะนี้ ทิศทางและความเร็วของการเคลื่อนที่ 25 กม. / ชม. (13 kt) ความเร็วลมสูงสุดใกล้ใจกลาง 50 m / s (175.94 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความเร็วลมกระโชกสูงสุด 70 m / s (250.02 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ขณะที่วันที่ 12 ตุลาคม เมื่อขึ้นฝั่ง ความเร็วลมสูงสุดใกล้ใจกลางจะอยู่ที่ 45 m / s (157.42 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และความเร็วลมกระโชกสูงสุด 60 m / s (222.24 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) คาดว่าพายุฮากิบิสจะพัดพ้นญีปุ่นไปในวันที่ 14 ตุลาคม
ผลกระทบจากสภาพพายุ ทำให้สายการบินอาจต้องยกเลิกเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออก รวมถึงรถไฟหลายสายในพื้นที่ได้รับผลกระทบต้องหยุดวิ่ง เพื่อป้องกันความสูญเสีย ขณะที่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ได้ออกประกาศเตือนคนไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวในพื้นที่คันโต (โตเกียว ฯลฯ) และโตไก (ชิซึโอกะ ฯลฯ) และบริเวณใกล้เคียง โปรดติดตามสถานการณ์ ระวังภัยจากฝนตกหนัก และลมกระโชกแรง หลีกเลี่ยงการออกจากเคหะสถานในช่วงเวลาดังกล่าว ตรวจสอบความแข็งแรงของประตูหน้าต่าง เตรียมอาหาร น้ำ และของจำเป็นในสถานการณ์ฉุกเฉิน ระวังสิ่งของด้านนอกบ้านหรือระเบียงที่อาจปลิวจากลมกระโชกแรงและสร้างความเสียหายได้ โปรดเตรียมความพร้อมหากมีประกาศอพยพของทางการญี่ปุ่น
ดังนั้นผู้ที่มีกำหนดการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น หรือท่องเที่ยวอยู่ญี่ปุ่นในช่วงเวลาดังกล่าว โปรดติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
โฆษกทูตจีนเผย นักการเมืองไทยบางคนติดต่อกลุ่มคิดแบ่งแยกฮ่องกงจากจีน เชิงสนับสนุน
วันที่ 10 ตุลาคม เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย รายงาน โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยให้ความเห็นเกี่ยวกับ “กฎบังคับในเรื่องห้ามสวมหน้ากาก” และสถานการณ์ล่าสุดในฮ่องกง
เมื่อวันที่ 4 เดือนตุลาคม รัฐบาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกงได้ประกาศ “กฎบังคับในเรื่องห้ามสวมหน้ากาก” โดยอาศัยอำนาจจาก “กฎระเบียบในวาระฉุกเฉิน” มีผลตั้งแต่วันที่ 5 เดือนตุลาคม กฎบังคับดังกล่าวห้ามผู้ชุมนุมสวมใส่หน้ากาก ซึ่งจะเป็นอุปสรรคในการระบุตัวตนสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ละเมิดถือว่าทำผิดกฎหมาย
ความรุนแรงในฮ่องกงยืดยาวมาเป็นเวลามากกว่า 4 เดือน วันที่ 1 เดือนตุลาคม กลุ่มคนใช้ความรุนแรงที่สวมหน้ากากได้รวมตัวกันอย่างผิดกฎหมายในพื้นที่ต่างๆ ของฮ่องกง ปิดกั้นการจราจรในบริเวณกว้าง ทำลายร้านค้า รถไฟใต้ดินและสาธารณูปโภคอื่นๆ อีกทั้งได้จุดไฟเผา โยนระเบิดขวดจำนวนมาก โจมตีสถานที่ราชการและสถานีตำรวจ ทำร้ายเจ้าหน้าตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างบ้าคลั่ง ทำร้ายประชาชนทั่วไปอย่างไม่เลือกหน้า พวกเขาจงใจสร้างเหตุการณ์นองเลือดขึ้นมา ความรุนแรงได้ยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นการท้าทายกฎหมายอย่างรุนแรง ทำลายความสงบสุขของสังคมฮ่องกง และเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนทั่วไป
ในปัจจุบัน ความอันตรายที่ใหญ่ที่สุดที่ฮ่องกงกำลังเผชิญอยู่ก็คือ การใช้ความรุนแรงและการไม่เคารพกฎหมาย ถึงเวลาแล้วที่ต้องยุติความรุนแรงและความวุ่นวายด้วยท่าทีที่ชัดเจนมากขึ้นและวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในสถานการณ์อย่างนี้ รัฐบาลเขตปกครองพิเศษได้บังคับใช้ “กฎบังคับในเรื่องห้ามสวมหน้ากาก” เป็นมาตรการที่ชอบด้วยกฏหมาย ชอบธรรมและมีความจำเป็นอย่างยิ่ง หลายประเทศในโลกก็ได้บังคับใช้กฎหมายห้ามปิดบังใบหน้าเช่นกัน การบังคับใช้กฎบังคับดังกล่าวในฮ่องกง มิได้ส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของชาวฮ่องกง รวมทั้งสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมด้วย
รัฐบาลส่วนกลางของประเทศจีนสนับสนุน แคร์รี หลั่ม ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง รัฐบาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานตุลาการในการดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อลงโทษผู้กระทำผิดใช้ความรุนแรงทั้งปวง โดยเฉพาะแกนนำกลุ่มผู้ใช้ความรุนแรง ตลอดจนผู้วางแผนและสั่งการที่อยู่เบื้องหลัง
เป็นที่ต้องชี้ให้ทราบว่า ความผันผวนที่มาจากการต่อต้านการแก้ไขกฎหมายในฮ่องกงได้เปลี่ยนตัวไปอย่างสิ้นเชิง กำลังพัฒนาเป็น “การปฏิวัติสี” โดยได้รับการแทรกแซงจากกลุ่มอิทธิพลภายนอก กลุ่มที่คิดจะแบ่งแยกฮ่องกงออกจากประเทศจีน ได้ใช้ประชาธิปไตยและเสรีภาพเป็นข้ออ้าง เพื่อทำลายหลักการพื้นฐานของ “หนึ่งประเทศสองระบบ” บ่อนทำลายอธิปไตยและความบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศจีน ซึ่งฝ่ายจีนคัดค้านอย่างเด็ดขาด
กลุ่มที่คิดจะแบ่งแยกฮ่องกงออกจากประเทศจีนยังได้สมคบกับกลุ่มอิทธิพลภายนอก เผยแพร่ข่างลือ บิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อวัตถุประสงค์ที่มิอาจเปิดเผยของตน นักการเมืองประเทศไทยบางคนมีการติดต่อกับกลุ่มที่คิดจะแบ่งแยกฮ่องกงออกจากประเทศจีนโดยมีท่าทีเชิงสนับสนุน ซึ่ง เป็นการกระทำที่ผิดอย่างร้ายแรงและไร้ความรับผิดชอบ ฝ่ายจีนหวังว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถรับรู้ข้อเท็จจริงของปัญหาฮ่องกง ใช้ความระมัดระวัง ทำในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อมิตรภาพจีน-ไทย
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง